- เราจะเริ่มต้นค้าออนไลน์ได้อย่างไร ?
ต้องกำหนดวัตถุประสงค์เสียก่อน ถ้าต้องการนำสินค้ามาขาย ก็พิจารณาว่าจะแข่งขันในตลาดได้หรือไม่ ทำไมลูกค้าจึงต้องซื้อสินค้าของเรา แล้วจะมีวิธีการโปรโมทให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาอย่างเข้าใจเสียก่อน เพราะการทำเว็บไซต์ปัจจุบันนั้นทำได้ง่าย แต่จะให้เกิดรายได้ยังต้องมีอีกหลายปัจจัย ที่สำคัญเป้าหมายต้องชัด
- จะเลือกสินค้าแบบไหนมาขาย ?
อันดับแรกก็ต้องดูก่อนว่าเรามีจุดแข็งตรงไหน ซึ่งคนอื่นไม่มี จุดนี้จะเป็นสิ่งที่สร้างความได้เปรียบ เช่นความชำนาญในงานฝีมือ ก็ผลิตงานฝีมือออกมาขาย ความชำนาญในการเชื่อมโยงธุรกิจ รู้ว่าใครผลิตอะไรดี รู้ว่า”ความต้องการ” ของลูกค้าอยู่ตรงไหน ก็สามารถเป็นตัวแทนขายได้เหมือนเว็บไซต์ประเภท โซเชียล คอมเมอร์ช หรือแม้แต่ทำเลที่ตั้ง เราก็สามารถอาศัยเรื่องของ “โลจิสติกส์” เป็นจุดแข็งในแง่การให้บริการที่รวดเร็ว สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ดีกว่า…
- มีคำแนะนำในเรื่องการเป็นตัวแทนอย่างไร เพราะปัจจุบันจะเห็นว่ามีโมเดลธุรกิจแบบนี้เกิดขึ้นมาก คือไปเห็นสินค้าแล้วขอถ่ายภาพขึ้นเว็บหาลูกค้าแล้วค่อยไปซื้อสินค้านั้นมาจำหน่าย
ปัญหาของการซื้อขายบนเว็บไซต์สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือ “ความน่าเชื่อถือ” การทำธุรกิจโดยวิธีดังกล่าว สามารถสร้างความหลากหลายของสินค้าให้ลูกค้าเลือกได้ คือไม่จำเป็นต้องนำเงินจำนวนมากมาสต๊อกสินค้า แต่ถ้าลูกค้าตัดสินใจซื้อแล้วเราไม่สามารถกลับไปซื้อสินค้ายังร้านดังกล่าว เพราะสินค้านั้นจำหน่ายหมดไปแล้วก็จะมีผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ลูกค้ารายนั้นอาจนำเรื่องเหล่านี้ไปโพสต์ต่อทำให้ชื่อเสียงของร้านเราเสียหายได้ ดังนั้นการเลือกซื้อสินค้าควรจะหาผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการฯ ที่มีความชำนาญในการขายผลิตภัณฑ์นั้นดี แล้วเข้าไปเจรจาเป็นตัวแทนจำหน่าย คุยเรื่องการแบ่งผลประโยชน์และหน้าที่ ความรับผิดชอบในการบริหารลูกค้าร่วมกัน เช่น หากเรามีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนี้ก็จะเป็นตัวแทนขายเฉพาะในบริเวณนี้ ดูแลลูกค้าในกลุ่มนี้ ซึ่งจะเกิดผลดีทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ เว็บส่วนกลางที่คอยสนับสนุน และตัวกลางอย่างเราที่เข้าถึงลูกค้าได้สะดวกรวดเร็วกว่า อย่างเช่น เว็บไซต์ http://www.i-am-mom.com เขาก็เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายในจังหวัดต่างๆ อยู่แล้ว
- ทีนี้มาถึงการจัดทำเว็บไซต์ ควรเขียนโปรแกรมเองหรือใช้ระบบสำเร็จรูป
ต้องพิจารณาที่ตัวผลิตภัณฑ์เป็นหลักครับ หากเป็นสินค้าทั่วไปที่ราคาไม่สูงมาก และเราไม่อยากให้มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงก็สามารถใช้เว็บสำเร็จรูปได้ แต่ถ้าเป็นสินค้าที่มีราคาแพง องค์กรต้องการสร้างภาพพจน์ก็จำเป็นที่จะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญออกแบบให้เกิดความแตกต่างและภูมิฐานขึ้น รวมถึงระบบต่างๆ ก็เช่นกัน ในช่วงแรกอาจเป็นแค่แคตาล็อกออนไลน์ จนสินค้าติดตลาดและมีลูกค้าเรียกร้องระบบชำระเงินออนไลน์ เราก็ค่อยต่อเติมทีหลังได้ หรือบางทีสินค้ามีในสต๊อกไม่เยอะมาก แค่โพสต์ในเว็บบอร์ดอย่าง pantip.com ก็สามารถทำตลาด เป็นอีคอมเมิร์ชได้เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องมีเว็บไซต์ เพราะการมีเว็บไซต์ให้คนติดตามนั้น ต้องคอยอัพเดรทข้อมูลให้ทันสมัย
- การทำอีคอมเมิร์ช หมายถึงการทำเว็บไซต์อย่างเดียวหรือเปล่า
การทำอีคอมเมิร์ช ความจริงก็ไม่ต่างจากการเปิดร้านค้าทั่วไป ถ้าเป็นลูกค้าเราไปร้านนั้น สามครั้ง เห็นบรรยากาศเดิมๆ เราก็ไม่อยากเข้าแล้ว เจ้าของธุรกิจจึงต้องทำโปรโมชั่นใหม่ๆ หาสินค้าใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้า การทำอีคอมเมิร์ชก็เช่นกัน เปรียบเหมือนเรามีร้านค้าแต่อยู่ในอินเทอร์เน็ต ถ้าลูกค้าเข้าเว็บ 2-3 ครั้งแล้วยังไม่มีความเคลื่อนไหว เขาก็ไปจากเว็บไซต์เราทันที ดังนั้น ถ้าเราทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว ก่อนที่เราจะทำประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จัก ต้องพิจารณาดูว่า เว็บมีความสมบูรณ์หรือยังมีสินค้าให้ลูกค้าเลือกมากพอหรือไม่ ? โหลดเร็วไหม ลิงค์ไปไม่มีหน้าเสีย และที่สำคัญยังต้องเตรียมข้อมูลเพื่อเพิ่มความเคลื่อนไหวในอนาคต จัดกิจกรรมโปรโมชั่น เพื่อให้ลูกค้าอยากเข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการตลอดเวลา
- เราสามารถทำประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ด้วยวิธีไหนบ้าง
ก่อนที่จะทำประชาสัมพันธ์เราต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย, พฤติกรรม และความชอบของพวกเขาก่อน เพื่อจะได้จัดเตรียม” สาร” แล้วก็เลือกสื่อ ที่เหมาะสม สิ่งสำคัญคือ “สถานการณ์และเวลา” เหตุผลหลังนี้เอง ที่ทำให้เรื่องของ เสิร์ชเอ็นจิ้น เกิดความสำคัญ เพราะการที่คนค้นหาในกูเกิล (เว็บไซต์ค้นหายอดนิยม) เพราะเขามีความต้องการในสิ่งนั้นๆ แต่การทำ เสิร์ชเอ็นจิ้น ก็ต้องเข้าใจหลักการเช่น ทำเว็บไซต์เสร็จในระดับหนึ่งก็ต้องรู้จักเข้าไปลงทะเบียนใน www.google.com/addurl รู้จักเลือกคำค้นหาที่กลุ่มเป้าหมายนิยมค้น แล้วนำคำเหล่านั้นมาบรรจุใส่ในแต่ละหน้าเว็บเพจอย่างมีหลักการ นอกจากนั้นยังต้องพยายามทำให้เว็บต่างๆ ที่เกี่ยวข้องลิงค์มายังเว็บของเราให้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ในเว็บบอร์ด หรือแลกเปลี่ยนแบนเนอร์ ฯลฯ
- สุดท้ายอยากฝากข้อคิดสั้นๆ ให้ผู้ประกอบการที่จะเริ่มต้นอย่างไร ?
การเป็นเจ้าของธุรกิจไม่ว่าจะอยู่บนโลกออนไลน์หรือไม่ มี 3 หลักการใหญ่ที่ต้องคำนึงถึง คือ ประการที่หนึ่ง วางเป้าหมายให้ชัดเจน ถ้าเราฝันไว้ ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจอะไร ก็ต้องดูก่อนว่าเรามีความสามารถ มีเครือข่ายที่จะเป็นบันไดให้ก้าวไปถึงจุดที่ตั้งใจไว้ได้หรือเปล่า ประการที่สอง คือการวางแผนและลงมือทำ ในขั้นตอนนี้ ต้องศึกษาว่าธุรกิจที่เราชอบเขาทำกันมานั้นมีปัญหาอย่างไร แล้วสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นไปได้อย่างไร (หลีกเลี่ยงการเป็นธุรกิจ just another) เขามีกลยุทธ์การตลาดแบบไหน ทำไมลูกค้าถึงชอบ สิ่งเหล่านี้ต้องเรียนรู้และลงมือทำอย่างจริงจัง ช่วงนี้ถ้าไม่อยากลงทุนผิดพลาดก็ควรทำไปด้วย หาความรู้ไปด้วย เพราะมีโครงการ NEC ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอบรมให้กับบรรดาว่าที่เจ้าของธุรกิจอยู่แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องทำด้วยความรับผิดชอบต่อตนเอง, ลูกค้า และสังคม ประการสุดท้าย อย่าท้อ ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตตัวเอง จงจำไว้เสมอว่า อุปสรรคต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ออกร้านแล้วขายไม่ได้จะทำอย่างไร ? ทำเว็บไซต์แล้วคนไม่เข้ามาซื้อต้องแก้ไขปัญหาอย่างไร ? คนที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจหลายราย เคยผ่านปัญหาเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น แต่เขาก็รู้จักนำปัญหามาขบคิด และวางแผนแก้ไขสถานการณ์จนกอบกู้ธุรกิจของตนให้ฟื้นขึ้นมาได้ ดังนั้นต้องมีความเพียร วิริยะอุตสาหะด้วย ทุกอย่างไม่มีอะไรไกลเกินเอื้อม และ คิดดี ทำดี ต้องได้ดีครับ!!!!